Sunday, January 28, 2024

[นิยาย] รีวิว Little Man ชั่วโมงบินน้อยแต่มีรักเต็มร้อยให้คุณ

 

(เครดิตรูปปก : https://store.jamsai.com/)



ชื่อเรื่อง : Little Man ชั่วโมงบินน้อยแต่มีรักเต็มร้อยให้คุณ เล่ม 1-3
สถานะ : 3 เล่มจบ
สำนักพิมพ์ : With Love
ผู้แต่ง : เหย่าชุนปิ่ง
แนวเรื่อง : โรแมนติก, ดราม่า

ความรู้สึกหลังอ่าน

เนื้อเรื่อง :
หนุ่มไฟแรงซื่อตรงจริงใจ (อิ๋งจิ่ง) - พี่สาวสวยเก่งบ้างาน (ชูหนิง)

ออกตัวเล็กน้อยสำหรับคนที่อาจจะคาใจหลังอ่านเรื่องย่อหลังปก เทียบกับ with love เรื่องอื่น เรื่องนี้ดูมาแปลกนิดนึงเพราะพระเอกเป็นนักศึกษา แต่เนื้อหาส่วนใหญ่ออกไปทางแนวทำงานมากกว่านะคะ ไม่ได้หลั่นล้าสดใสชีวิตมหาลัยมากมาย พระเอกอดตาหลับขับตานอนทำงานจนตาหมองทั้งเล่ม

การเล่าเรื่องของเรื่องนี้ แม้เป็นการเปิดตัวตัวละครครั้งแรกก็ไม่ร่ายประวัติเสริมสร้างความเข้าใจผู้อ่านเท่าไหร่ ดังนั้นตอนเปิดเรื่องมาจะเห็นการบรรยายว่าใครทำอะไรอยู่ คนอ่านต้องค่อยๆ ทำความเข้าใจสถานการณ์เองว่าใครเป็นใคร มีความสัมพันธ์กันอย่างไร ซึ่งต้องตั้งสติเล็กน้อยค่ะเพราะเส้นความสัมพันธ์ชูหนิง นางเอกของพวกเรากับคนรอบตัวค่อนข้างซับซ้อนทั้งในบ้านนอกนอกบ้าน (⁠ ⁠;⁠∀⁠;⁠) คร่าวๆ คือแม่แต่งงานใหม่กับพ่อที่เป็นเศรษฐีซึ่งมีลูกชายอยู่แล้ว คนครอบครัวฝั่งพ่อไม่ยินดีต้อนรับแม่ลูกคู่นี้นัก กับพี่ชายต่างแม่ยิ่งไม่ถูกกันสุดๆ เจอกันทีกระแสไฟลั่นเปรี๊ยะ แต่อ่านไปเรื่อยๆ ชักเริ่มคิดว่าความสัมพันธ์ไม่แย่มากนี่ ระหว่างสองคนนี้เหมือนจะมีอะไรสักอย่างนะเหวย? นอกจากนี้ชูหนิงยังต้องเล่นบทคู่หมั้นปลอมๆ ช่วยเพื่อนที่มีแฟนแล้วบ้านไม่ยอมรับด้วย ออกแนวเป็นบังเกอร์ให้เพื่อนชั่วคราว (ชีวิตเหนื่อยมากพี่สาว 55555) 

ในเรื่องชูหนิงจะทำหลักๆ 3 อย่าง คือ ทำงาน (บ้างานมากๆ เอาจริงเอาจังสุดๆ), ตบตีกับพี่ชายต่างพ่อ (ตีกันแรงมาก เพราะนางเอกไม่ยอมคน ชนลูกเดียว คุณพี่ก็อันธพาลพระเอกฟิคมาก เหอๆ), อย่างสุดท้ายคือแฮงเอาท์กับเพื่อนนิดๆ หน่อยๆ ซึ่งนอกจากกวนอวี้เพื่อนสาวอีกคน ส่วนใหญ่จะเป็นคุณคู่หมั้นกำมะลอ เฝิงจื่อหยางค่ะ ได้ไปดูการแข่งขันของอิ๋งจิ่งที่มหาลัยก็เป็นความดีความชอบของเฝิงจื่อหยางที่ชอบพวกเครื่องบินและโมเดลต่างๆ เช่นกัน

ฝั่งอิ๋งจิ่งเป็นเด็กเรียนดีกีฬาเด่น หน้าตาดี นิสัยดี ร่าเริง เพื่อนเยอะ กินเก่งมากๆ ᕙ⁠(⁠@⁠°⁠▽⁠°⁠@⁠)⁠ᕗ อาจารย์พยายามผลักดันให้มีอนาคตที่ดี ให้วางแผนอนาคตตัวเองอย่างจริงจัง เลยหาโอกาสในการทำโปรเจคมาให้ ด้วยอะไรหลายๆ อย่างทำให้อิ๋งจิ่งทุ่มเทให้กับการทำงานชิ้นนี้ (เป็นอะไรแนวๆ โมเดลจำลองสภาพอากาศ) โดยบริษัทที่ไปของบเป็นบริษัทของชูหนิงค่ะ...แต่ถูกปัดตกอย่างเด็ดขาดมากเพราะเป็นฟิลด์ที่ทางชูหนิงไม่ถนัด ใช้เวลาในการคืนทุนและทำกำไรนาน ไม่ตอบโจทย์ของชูหนิงที่ต้องการเงินหมุนเวียนเร็ว ตรงนี้แอบเจ็บจี๊ดร่วมไปกับอิ๋งจิ่ง เหมือนเด็กออกไปเผชิญโลกภายนอกครั้งแรกถูกความเป็นจริงของสังคมตอกหน้าหงายอะค่ะ แล้วชูหนิงตัดรอนด้วยเหตุผลล้วนๆ อธิบายอย่างตรงไปตรงมาว่าทำไมไม่เลือก ซึ่งเถียงไม่ได้เลย อนึ่ง ชูหนิงค่อนข้างใจอ่อนและเห็นใจ ถึงเป็นนายทุนให้ไม่ได้ ยังอุตส่าห์ไปแนะนำกับพี่ชายให้ (จ้าวหมิงชวน) ซึ่งทางนั้นติดต่อไปหาอิ๋งจิ่งและยินดีร่วมงานด้วยค่ะ

อ่านๆ ไปรู้สึกว่า...เอ๊อะ? จบตรงนี้เหรอ หรืออิ๋งจิ่งต้องรอเสนอโปรเจกต์ใหม่ไปหาชูหนิง คู่นี้ดูไม่มีอะไรให้ติดต่อกันแล้วนะ?
ทีนี้ มาถึงจุดพลิกผันของเรื่องค่ะ

ชูหนิงไปทำงานที่มาเลเซีย เที่ยวบินขากลับประเทศมีปัญหาขาดการติดต่อ (หายสาบสูญนั่นแหละ ಥ⁠‿⁠ಥ) พอดีชูหนิงป่วย ตกเครื่อง เลยรอดพ้นจากเที่ยวบินนี้หวุดหวิด จากไม่สบอารมณ์เพราะจะทำให้กลับไปสานต่องานช้า นางเอกเราแข้งขาอ่อนเลยค่ะ เกือบตายแล้วมั้ยล่ะ...ทำให้สนใจคอนเสปงานของพวกอิ๋งจิ่งขึ้นมาและติดต่อไปว่าอยากทำโครงการด้วย (ตรงนี้เรางงนิดหน่อยว่า...อ้าว สรุปอิ๋งจิ่งยังไม่ได้ทำสัญญากับจ้าวหมิงชวนเหรอ? แต่เขาสนใจแล้วนะ งั้นชูหนิงเหลี่ยมมาก ไปเสนอพี่ชายให้เขาสนใจแล้วปาดเขาซะเฉย)

เอาเป็นว่า สุดท้าย บริษัทประธานหนิงเป็นคนออกเงินให้ทางกลุ่มอิ๋งจิ่งไปทำงานเอาผลลัพธ์ ระหว่างนั้นหนุ่มน้อยที่ย่างเท้าสู่โลกนอกมหาลัย ล้มลุกคลุกคลานออกจากเซฟโซนก็ได้รับคำแนะนำในการทำงานกับความช่วยเหลือจากพี่สาวสวยเก่ง ลงเอยชอบเขาเข้าเต็มเปา ด้วยเหตุนี้ อิ๋งจิ่งผู้ที่จัดลำดับความสำคัญไม่ค่อยเก่งและเอาความรู้สึกส่วนตัวมาแทรกเลยบ้างานจนลืมเรียน (ถึงขั้นขาดสอบจนพี่สาวตัวจริงที่บ้านองค์ลง) ส่วนฝั่งชูหนิงน่ะเหรอ...อนิจจา นางเอกเราเห็นไอหนุ่มเป็นเด็กน้อย  ขนาดมีสาวมาสารภาพรักคุณพระเอกต่อหน้า ชูหนิงยังเห็นเป็นเรื่องบันเทิง โถ่ถัง ทั้งนี้ทั้งนั้น พอรู้ว่าอิ๋งจิ่งบาลานซ์งานกับเรียนไม่ได้ก็มีสายตรงไปดุนะคะ ชูหนิงต้องการผลลัพธ์ตามเม็ดเงินที่ลงทุน แต่ก็ค่อนข้างแฟร์ ไม่ได้ขูดรีดแต่อย่างใด ตัวชูหนิงย่อมอยากให้อิ๋งจิ่งเรียนจบตามปกติค่ะ

อนึ่ง พระนางเรื่องนี้อายุห่างกัน 3 ปีครึ่งค่ะ ชูหนิงออกมาทำงานเร็ว ไม่ได้เรียนจนจบมหาลัย เลยมีประวัติการทำงานหลายปีและเอาตัวรอดในสังคมเก่งมาก 

ในช่วงเล่มแรกจะเป็นการปูพื้นการทำงาน การเริ่มต้นโปรเจกต์ ส่วนเล่มถัดจากนั้นจะมีการลงทุนเพิ่มเติม การหาพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจที่เหมาะสม จะเลือกคนมีความสามารถเฉพาะทาง? จะเลือกคนที่ทำงานด้วยได้อย่างสบายใจ? อิ๋งจิ่งค่อยๆ มีชื่อเสียงมากขึ้น จากที่นักลงทุนมองเห็นศักยภาพของคนอื่นมากกว่า พอทีมของอิ๋งจิ่งเข้าร่วมการแข่งขันระดับประเทศแล้วประสบความสำเร็จก็ดังขึ้นเยอะ อยู่ในสายตาคนอื่นแล้ว ด้านคสพ.พระนางจะออกแนวขมๆ หวานๆ มีทะเลาะกันบ้าง แต่เอาเข้าจริงก็เป็นที่พึ่งของกันและกัน กอดคอกันเติบโตค่ะ เราว่าประทับใจดีนะ แต่ๆๆ พอเลิฟไลน์มาอารมณ์จขบ.ค่อนข้างสวิงค่ะ อ่านมุมชูหนิง ในใจก็...อืม ชูหนิงพูดถูกนะ พออ่านมุม อิ๋งจิ่ง...อืม เป็นอิ๋งจิ่งมันก็น่าน้อยใจจริงๆ แหละ เหมือนนั่งโรลเลอร์โคสเตอร์ 5555555

เล่ม 3 มีตอนพิเศษเสริม นอกจากคู่หลัก มีเล่าเรื่องรักๆ ของคุณพี่ชายประธานเผด็จการอย่างจ้าวหมิงชวนกับแฟนเขาด้วยค่ะ ใครกลัวอินเซสไม่ต้องห่วงนะคะ จ้าวหมิงชวนมีสาวที่ชอบ และชอบเขามากด้วย ไม่ไปแลคนอื่นหรอกค่ะ ยิ่งจะมาชอบชูหนิงคือไม่มีทาง ตอนพิเศษของคุณพี่คือโบ้ดีๆ นี่เอง เที่ยวเตร่จนแฟนทิ้ง แถมแฟนใจแข็งสุดๆ อีก

อีกนิด จุดที่คาดไม่ถึงคือยาว 3 เล่ม อิ๋งจิ่งติดป้ายนักเรียนยาวเลยค่ะ ตอนจบตกลงหมั้นกับชูหนิงเรียบร้อย มีแต่คนคิดว่าฮีรีบเพราะยังเด็กมาก

ภาพรวมไม่มีดราม่าหนักหน่วง เป็นแนวอบอุ่นหัวใจสู้ชีวิตไปเรื่อยๆ (?) มีช่วงอารมณ์ขึ้นลงกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันให้ลุ้นตุ๊มๆ ต่อมๆ ประปราย ส่วนตัวอ่านเพลินมาก จังหวะการเดินเรื่องค่อนข้างดี ไม่ช้าไม่เร็วเกินไป

ใครชอบนางเอกที่สวยและนิสัยเท่น่าจะชอบชูหนิง พี่สาวสวยมาก เป็นคนทำอะไรตามหลักการและเหตุผล เอาจริงเอาจัง พึ่งพาได้ ในขณะเดียวกันก็มีด้านที่ใจดีคำนึงถึงคนอื่นด้วย (เอนี่เวย์ ถ้าเจอพี่ชายต่างแม่อย่างจ้าวหมิงชวนเจ๊จะอารมณ์พุ่งปรี๊ด ซึ่งก็พอเก็ตฟีลเพราะสับกันแรงไม่ไว้หน้ามาก เป็นมวยสนุกๆ ประจำเรื่องเลย 👍 )
ด้านอิ๋งจิ่ง น้องเหมือนฮัสกี้ค่ะ 55555555 ถึงเป็นหนุ่มสดใสร่าเริง เอาเข้าจริงต่อยตีเก่งใช้ได้เลยเพราะพ่อเป็นทหาร (เคยไปฝึกกับเขา) ในเรื่องมีซีนทะเลาะวิวาทต่อยตีหลายครั้งเหมือนกัน พี่สาวของอิ๋งจิ่งถามว่าไม่บอกแต่แรกว่าชอบแนวนี้จะได้ส่งไปวัดเส้าหลิน 5555555555555

ภาษา/การแปล :
ภาพรวมอ่านไหลลืนตามปกตินะคะ ด้วยความที่เป็นเรื่องแนวไปเรื่อยๆ ไม่มีจุดพลิกผันดึงอารมณ์ใหญ่ๆ จะจมไปกับเนื้อเรื่องหรือเปล่าเป็นตัวชี้วัดความแฮปปี้ในการอ่านอย่างหนึ่ง ซึ่งถ้าภาษาไม่ซัพก็คงไม่จมไม่อินไปกับหนังสือ ส่วนตัวเราอ่านเพลินๆ รวดเดียวจบเล่มและอยากอ่านต่อ แสดงว่าจุดนี้ไม่ติดขัดอะไร

ช่องทางการสั่งซื้อ
>> E-Book

Sunday, December 3, 2023

[มังงะ] รีวิว อนุบาล Wars


 

(เครดิตรูปปก : https://siamintershop.com/)



ชื่อเรื่อง : อนุบาล Wars
สถานะ : ยังไม่จบ  ไทยออกมาแล้ว 4 เล่ม 
สำนักพิมพ์ : สยามอินเตอร์คอมิกส์
ผู้แต่ง : You Chiba
แนวเรื่อง : แอคชัน, โรแมนติก, คอเมดี้
Other : ลงแอพ Manga Plus


ความรู้สึกหลังอ่าน


เนื้อเรื่อง :
โรงเรียนอนุบาลที่ปลอดภัยที่สุดในโลกอยู่ที่นี่เองจ้า

โรงเรียนอนุบาลสำหรับลูกท่านหลานเธอคนใหญ่คนโต มีครูพิเศษซึ่งเป็นนักโทษคอยดูแลรักษาความปลอดภัย ตัวละครหลักของเรื่องเป็นบรรดาคุณครูที่ออกมากำจัดนักฆ่าค่ะ ตามเนื้อเรื่องบอกว่างานนี้อันตรายมาก ครูส่วนใหญ่อยู่ได้ไม่นานก็โดนสอยร่วง ดังนั้นต้องเก่งมากๆ และเด็ดขาดมากๆ ด้วย ลองพลาดเสียเองไม่ต้องรอให้นักฆ่ามากำจัดก็จะโดนครูใหญ่ของโรงเรียนจัดการเสียก่อน อย่างไรก็ตาม งานเสี่ยงค่าตอบแทนย่อมสูง หากทำงานครูครบ 1 ปีจะได้รับการปล่อยตัวไปใช้ชีวิตตามปกติค่ะ

ตัวเอกของเรื่อง ริต้า นักฆ่ามือพระกาฬฉายา "แม่มด" เข้ามาเป็นครูห้องทัมโปโปะ ความฝันของน้องคืออยากมีแฟนหล่อๆ มีแรงก์หนุ่มหล่อที่อยากได้เป็นแฟนด้วยนะ 55555 กะไว้ว่าทำงานครบกำหนดเมื่อไหร่จะออกไปหาแฟนหล่อๆ ให้ได้ ระหว่างเป็นครูนี้น้องเสียอกเสียใจ เป็นครูเจอแต่เด็กๆ ไม่ได้เจอหนุ่มหล่อมาชุบชูบใจเลย ดังนั้นพอเห็นนักฆ่าหล่อๆ (ซึ่งนักฆ่าที่เข้ามาทำร้ายเด็กๆ หล่อทั้งนั้น 555555) น้องจะออกอาการ...อุ๊ย หรือว่าเจอคนในพรหมลิขิตเข้าแล้วนะ? แล้วริต้าก็ถามคำถามเพื่อดูความเข้ากันได้...เป็นจังหวะสำคัญในการเล่นมุกของเรื่องเลย ถ้าตอบถูกใจก็รอด ถ้าตอบไม่ถูกใจริต้าจะโดนเป่าทิ้ง (ต้องกำจัดนักฆ่านี่นา) ซึ่งบรรดาคำถามของริต้ามักมาแนวๆ...กินราเมงจากอะไรก่อน ดูเอนด์เครดิตหนังมั้ย และจบลงที่ริต้าไม่พอใจคำตอบแล้วกำจัดทิ้งตลอด ถถถถ

ในห้องทัมโปโปะของริต้ามีครูอีกสองคนคือ ฮานะจัง ใช้ระเบิด อยากพ้นโทษไปเจอพี่ชาย กับพระเอกของเรา (?) ดั๊ก นักต้มตุ๋น อยากพ้นโทษเพราะเสี้ยนบุหรี่ ในตัวละครหลักดั๊กเป็นคนเดียวเลยที่ไม่ได้อยู่สายบู๊ โดนริต้ากับฮานะบ่นตลอดว่าอ่อนแอจัง (คนอื่นเก่งเกินไปต่างหากนังหนู) พี่แกสายเหลี่ยม มือเท้าเบา และเน้นสู้แบบใช้กลยุทธค่ะ ความจริงเป็นหนุ่มหล่อตามสเปกอันดับ 1 ของริต้าแท้ๆ เสียดายตอนเจอกันช่วงแรกๆ แกล้งริต้าหนักไปหน่อย ต่อให้ตอนนี้หลงรักสาวเจ้า พูดอะไรริต้าก็ไม่เชื่อ คิดว่าเขาหลอกเล่นอย่างเดียว น้องบอกเกลียดนักตุ้มตุ๋นจริงๆ เลย! อนึ่ง ถึงโดนปืนจ่อหลายรอบ ตาดั๊กรอดมือน้องริต้ามาตลอดเพราะเป็นรุ่นพี่ค่ะ ทำงานด้วยกัน โมโหแล้วยิงทิ้งไม่ได้ 555555555 

เส้นเรื่องหลักของเรื่องคือทำงานครูพิเศษให้ครบปีจะได้พ้นโทษ สามารถเดินเรื่องได้เรื่อยๆ เหมือนไม่มีอะไร แต่มีปมปริศนากับตัวร้ายหลักอยู่นะคะ นอกจากครูใหญ่ที่ดูมีความเป็นมาน่าสงสัย ดูเหมือนบรรดานักฆ่าจะเพ่งเล็งเด็กที่ชื่อ "ไลลา" เป็นพิเศษ ถึงขั้นถูกคิดว่าโรงเรียนมีไว้เพื่อปกป้องเด็กคนเดียวด้วยซ้ำ เนื้อเรื่องยังไม่เปิดเผยว่าเพราะอะไรไลลาถึงโดนหมายหัว หนำซ้ำตัวร้ายเป็นพี่น้องฝาแฝดของริต้าด้วย โหดหน้ายิ้มเหมือนริต้าไม่มีผิด รอติดตามกันยาวๆ ว่าจะจบยังไง

สตอรี่มีทั้งแอคชันตูมตามกับเลิฟๆ ผสมกันแบบตลกๆ บรรดาครูห้องอื่นบุคลิกโดดเด่นมาก (และมีสกิลชั้นยอดสมกับที่ถูกเลือกมาทำหน้าที่ครูโรงเรียนนี้เชียวล่ะ) ทั้งนี้ มุกตลกในเรื่องไม่ใช่มุกลามกจกเปรตนะคะ ค่อนข้างเซฟเลยแหละ ส่วนตัวถือว่าเป็นเรื่องที่อ่านแล้วชอบ โดยจุดหนึ่งที่ชอบมากๆ ของเรื่องนี้คือตัวละครตายจริง ต่อให้นักฆ่าบางคนจะดูมี potential ในการเป็นตัวละครหลัก หรือน่าสงสาร แต่หน้าที่เหล่าครูคือต้องฆ่าทิ้ง ไม่งั้นจะตายซะเอง เลยไม่ปล่อยให้รอดค่ะ ต้องหักใจกำจัดทิ้ง ตรงนี้ทำให้น้ำหนักของเรื่องหนักขึ้นมา แสดงถึงความซีเรียสของสถานการณ์และดึงอารมณ์ร่วมได้ดี ไม่รู้สึกย้อนแย้งเชิงตรรกะ อ.ยูอยู่เขียนการ์ตูนต่อนะคะ ไม่ต้องกลับไปซ่อมกีต้าร์ละ

เพิ่มเติม อนุบาล Wars ลงให้อ่านในมังงะพลัสทั้งภาษาอังกฤษและไทย ลองไปเจิมดูก่อนได้ว่าใช่แนวหรือเปล่า ถ้าถูกจริตก็อยากให้สนับสนุนฉบับลิขสิทธิ์ค่ะ บนปกของสยามมีใบประวัติตัวละครกับสแตดด้วยเน้อ (。•̀ᴗ-)✧

งานภาพ :
น้ำหนักเส้นสมเป็นการ์ตูนโชเน็นดี ถึงจะวาดตัวละครดูปุ๊กปิ๊กกลมป๊อกแต่ลายเส้นดุดัน เส้นสปีดกับเอฟเฟกต์ฉากบู๊ก็เข้ากับเนื้อเรื่อง ชอบการวางช่องและการใช้หน้าคู่ของอ.ยูด้วย ตอนตบมุกด้วยหน้าคู่ 3 รอบติดอาจจะดูเหมือนเปลืองแต่มันได้อารมณ์มาก 5555555

ภาษา/การแปล :
มีจุดที่ใช้คำแปลกๆ หรือวางคำในประโยคผิดอยู่บ้าง เล่มละนิดละหน่อย เทียบกับเรื่องอื่นถือว่ามีจุดสะดุดเยอะเหมือนกัน (ก็เรื่องอื่นไม่สะดุดอะ) แต่ภาพรวมพอพูดได้ว่าแปลดีสำหรับสายคอเมดี้ เรื่องนี้สาดมุกพอกับสาดกระสุน แถมเด็กเต็มเรื่อง ภาษาเด็กๆ อ้อแอ้มาก 5555 เกณฑ์ของจขบ.คือมาแนวคอเมดี้ต้องแปลให้ขำ ถ้าอ่านแล้วขำคือรักษามาตรฐานได้ระดับหนึ่งละ ซึ่งตรงนี้ไหวอยู่ค่ะ (จุดที่เรียบเรียงแปลกมันไม่ช็อตฟีลขนาดนั้น)

ช่องทางการสั่งซื้อ


Friday, December 1, 2023

[นิยาย] รีวิว มือปราบ (วิญญาณ) คนนี้ชื่อคิมมูรยอง เล่ม 1 - 2



(เครดิตรูปปก : https://store.jamsai.com/)



ชื่อเรื่อง : มือปราบ (วิญญาณ) คนนี้ชื่อคิมมูรยอง เล่ม 1 - 2
สถานะ : 3 เล่มจบ
สำนักพิมพ์ : everY
ผู้แต่ง : Todayspring (오늘봄)
แนวเรื่อง : Supernatural, BL


ความรู้สึกหลังอ่าน

เนื้อเรื่อง :
หนุ่มเก็บตัวเงียบขรึมผู้อาภัพ - มือปราบวิญญาณอัจฉริยะผู้แสนดี

เรื่องนี้ตัวละครเป็นเด็กนักเรียนมัธยมปลายค่ะ ความสัมพันธ์ของเด็กๆ จะใสๆ นุ่มฟู มีความเอื่อยๆ เรื่อยๆ เหมาะแก่การเสพบรรยากาศและพักตับอย่างยิ่ง ใช้การบรรยายแบบสรรพนามบุรุษที่ 3 มีตัวเอกคือนายเอก คิมมูรยอง เดินเรื่องด้วยตัวเอกที่นิสัยดีมากๆ มันชุบชูใจละเกินนนน ╰(*´︶`*)╯♡

คิมมูรยองเกิดในตระกูลมือปราบวิญญาณ ถึงจะคลุกคลีกับเรื่องเหนือธรรมชาติ แต่เป็นครอบครัวทั่วๆ ไปที่อบอุ่น ตัวมูรยองมีพรสวรรค์ชนิดหาตัวจับยาก ไม่ใช่แค่มีศักยภาพมากที่สุดในตระกูลตอนนี้ แต่มีพรสวรรค์ระดับร้อยปีจะโผล่มาสักคน ในเรื่องน้องจะทำงานเป็นมือปราบวิญญาณฝึกหัดด้วยการช่วยเหลือคนรอบตัวที่ได้รับความเดือดร้อนจากเรื่องเหนือธรรมชาติ  แต่มูรยองเป็นเด็กดีไปหน่อย เอาเข้าจริงต่อให้ไม่ใช่เรื่องเหนือธรรมชาติ ถ้าช่วยได้ จะอะไรก็มาเหอะ...ช่วยหมดแหละ แทบจะรับทำสารพัดสิ่งไปแล้ว ใครมีเรื่องอะไรวิ่งมาหามูรยองได้เลย น้องจะช่วยเหลือแลกกับค่าตอบแทนเป็นของเก่าชิ้นเล็กๆ ค่ะ พวกของที่เจ้าของเรื่องเคยใช้ตอนเด็กๆ ประมาณนั้น ยิ่งเก่ายิ่งดี เช่น ยางลบ ยางมัดผม

ด้วยความหน้าตาดี อัธยาศัยดี มีน้ำใจ มูรยองเป็นคนเพื่อนเยอะมาก นับเป็นคนดังประจำโรงเรียนคนหนึ่งเลยแหละ ถึงอย่างนั้นก็มีอยู่คนที่ไม่สนิทใจไปคุยด้วยหรือทำตัวตีซี้...สิทธิพิเศษย่อมเป็นของคนพิเศษๆ จะใครซะอีก พระเอกไง คีฮวานยองค่ะ นายคนนี้ก็เป็นคนดัง ดังเพราะหล่อมาก เพราะตัวสูงมาก และเพราะไร้มนุษยสัมพันธ์มากๆ ฮวานยองไม่ให้ใครแตะตัว ไม่มีเพื่อน และไม่คุยกับใคร (ทำงานกลุ่มกับคนแบบนี้ก็เครียดจริงแหละ ใครจะอยากทำงานกลุ่มด้วย เข้าใจๆ) เดิมทีมูรยองไม่คุยกับเขา เขาไม่คุยกับมูรยอง น่าจะไม่มีอะไรข้องเกี่ยวกัน แต่ฮวานยองมาขอความช่วยเหลือจากมูรยองนี่สิ เป็นอาการปวดเมื่อยหนักไหล่สไตล์ผีเกาะ

มูรยองย่อมต้องช่วยค่ะ (คนดีจริงๆ เลย)

ฮวานยองเป็นคนมีต้นทุนดีในด้านของการเป็นมือปราบวิญญาณ คุณสมบัติร่างกายถึงขั้นดีกว่ามูรยองด้วย แต่ครอบครัวไม่ได้เป็นมือปราบ ไม่มีความรู้เรื่องผีสางปิศาจอะไรเลย (วิญญาณมนุษย์เรื่องนี้จะกลายเป็นปิศาจได้ถ้าเวลาผ่านไปนานวันเข้า) ชีวิตถึงได้อาภัพเพราะพลังที่ตกค้างบนร่างตัวเองทำให้คนอื่นเดือดร้อน สาเหตุที่ฮวานยองไม่ชอบสกินชิปเพราะคนที่มาแตะฮวานยองและมีรอยสัมผัสตกค้างจะถูกพวกผีที่เข้าใกล้ฮวานยองตรงๆ ไม่ได้กระโจนใส่นั่นเอง

สรุปแบบรวบรัดสั้นๆ คือฮวานยองมีพลังในการทำให้พวกวิญญาณทั้งหลายหายไปได้โดยไม่ต้องทำอะไรเลย แค่โดนตัวก็เป่าได้แล้ว ไม่ใช่การส่งไปภพภูมิอื่นดีๆ แต่ออกแนวกำจัดค่ะ (สกิลล้ำกว่ามูรยองมากเพราะไม่จำเป็นต้องตั้งท่าเตรียมตัวใดๆ) ที่มาขอให้ช่วยเพราะผีที่ตามตัวเองเป็นน้องสาวที่ตายไปแล้ว ฮวานยองเสียครอบครัวจนหมด ตอนนี้เหลือแต่น้องสาวที่ไม่ใช่คน หักใจทำร้ายน้อง+เสียครอบครัวคนสุดท้ายไม่ลง (ಥ﹏ಥ) เพราะอยากให้น้องได้ไปดีๆ เลยต้องหาคนมาช่วย และเคยเห็นมูรยองช่วยวิญญาณมาก่อน พี่แกก็คิดว่าอืม...มูรยองน่าจะทำไรได้

จากนั้นก็เป็นการพยายามหาทางจับและปลดปล่อยน้องของฮวานยอง กับรับคำขอจากคนอื่นไปพร้อมๆ กัน ถ้าไม่คิดอะไรมากก็อ่านเพลินๆ ดี ส่วนตัวคิดว่าเคสของฮวานยองใช้เวลานานกว่าเคสอื่นด้วยเหตุผลที่เราไม่ซื้อนะคะ เข้าใจว่าต้องให้เวลาตัวละครอยู่ด้วยกันนานๆ แต่เหตุผลไม่มีน้ำหนักพอจะทำให้คล้อยตามว่าทำไมปิดเคสไม่ได้ ตัวอย่างเช่น ทั้งที่เป็นปิศาจรับมือยาก แถมยังหาตัวไม่เจอ มูรยองประวิงเวลาบอกว่าช่วงฝนตกรับมือลำบาก ให้รอหมดช่วงฝนชุกค่อยจัดการ อันที่จริงถ้ารับมือเองไม่ไหว ในบ้านมีมืออาชีพหลายคน ทั้งแม่ทั้งพี่ (เคยมีกรณีจับผีวันฝนตกที่ไม่ได้รับมือยากไม่ใช่เหรอ? ถ้าคำนึงถึงร่างกายที่พิเศษของฮวานยองกับระดับความอันตราย มูรยองไม่น่าตัดสินใจรอเพื่อเพิ่มความเสียงเลยนี่นา? ปกติยอมอดตาหลับขับตานอนเพื่อช่วยคนเดือดร้อนให้เร็วที่สุด แม้แต่กับเคสที่ไม่อันตรายเลยยังลงมือทันที แต่พอเป็นฮวานยองมูรยองดูปล่อยจอยเกิน มันดูขัดแย้งนิดหน่อยค่ะ)

ภารกิจการช่วยเหลือวิญญาณไม่ได้คอขาดบาดตายหรือหลอนมาก วิญญาณที่โผล่มาส่วนใหญ่จะค่อนข้างคุยง่าย ใครต้องการความหลอนคงไม่ตอบโจทย์ เราคิดว่าเรื่องนี้เด่นเรื่องของสายสัมพันธ์ระหว่างคนมากกว่าค่ะ

พูดเรื่องจังหวะเสริมสักนิด สไตล์การเล่าเรื่องเป็นแบบตัดฉับไปมา เช่น เล่ามาเป็นลำดับ 1 2 3 แล้วอยู่ๆ โดดไป 5 เลย ข้ามเลข 4 แล้วค่อยมาอธิบายย้อนความทีหลัง...ว่าไงดี ออกแนว >> มูรยองรับงาน มูรยองลงมือทำงาน มูรยองพบเหตุการณ์อะไรสักอย่างระหว่างงาน >> ตัดฉับมาวันถัดไปที่ทุกอย่างเคลียร์แล้ว แล้วมูรยองค่อยมาเล่าว่าผ่านเหตุการณ์นั้นมาได้ยังไง ทำนองนี้

ด้านเลิฟไลน์ ยังไงก็ยังเป็นเด็กนักเรียนกันอยู่ 2 เล่มแรกค่อนข้างใสเลยค่ะ เอ็นดูความแอบหวงแอบห่วง เขินเองนอยเอง...อยากตะโกนออกไปว่า พวกแกกกก นั่นมันเกินเพื่อนแล้ว มันไม่ใช่เพื่อนนนนนน ซึ่งช่วงเล่ม 2 ทั้งฮวานยองทั้งมูรยองก็ดวงตาเห็นธรรมจนได้ (สักที 55555) ไปรอลุ้นเล่มจบกันต่อ  

ตัดเรื่องตะขิดตะขวงใจเล็กๆ น้อยๆ ตามที่บ่นไปกับการแปลที่อ่านแล้วขมวดคิ้วเป็นระยะ เรายังคงชอบเรื่องนี้นะคะ โดยส่วนตัวชอบไวบ์ตัวละคร ชอบความใสๆ ฟลัฟฟี่ๆ ตามสไตล์นักเรียนมัธยม และเรื่องที่มีแต่คนดีๆ ไม่มีตัวร้ายเป็นทุน มันอ่านแล้วสบายใจ ให้คะแนนไบแอสตรงนี้เยอะ 555555555

ภาษา/การแปล :

ไม่ประทับใจเท่าไหร่ ผิดคาดมากสำหรับเครือแจ่มใส ก่อนหน้านี้เคยอ่านแปลเกาหลีของเครือนี้มาหลายเรื่อง เรื่องที่ไม่สปาร์กก็ไม่สปาร์กเพราะตัวเนื้อเรื่องเอง (เช่น Business Proposal อ่านขำๆ จอยๆ ได้ แต่ไม่เข้าสไตรค์โซน) ส่วนเรื่องนี้ทั้งสไตล์เรื่องทั้งตัวละคร ชอบมาก แต่อรรถรสการอ่านถดถอยลงไปไม่น้อยเพราะการแปลไม่ใช่แนวค่ะ หลักๆ คือรู้สึกว่าการเรียบเรียงมีจุดแปลกๆ และจุดที่ล้มสุดคือคำซ้ำ 

ตัวอย่างที่เห็นว่าแปลก ย่อหน้าเดียวกัน แต่ "เขา" ที่ใช้ชี้ตัวบุคคลเหมือนจะหมายถึงคนสองคน ไม่ใช่ว่ามันควรจะชี้ตัวไปที่คนคนเดียวก่อนเหรอ? หรืออ่านไม่แตกเอง...


อ่าน 2 บรรทัดบนเข้าใจ พอมี 2 บรรทัดล่าง...มันแปลกอะ นี่อ่านแล้วรู้สึกแปลกมาก จริงๆ ตั้งแต่บอกว่าอีก(หนึ่ง)เรื่อง ไม่ต้องมีคำว่า 'อยู่เพียงเรื่องเดียว'  ย้ำท้ายประโยคก็ได้ไหมนะ? 
ไปๆ มาๆ เลยสรุปได้ว่าเรียบเรียงแปลกค่ะ (แถมใช้คำว่า "เดียว" เต็มย่อหน้าเลย) 

อันนี้ค่อนข้างชัดเช่นกัน หลังคำว่าด้วยเป็นการขยายกริยาคำว่าพูด ดันเอาไปวางไว้ท้ายประโยคเฉย กลายเป็นขยายคำว่านั่งไปแล้ว ตรงนี้เลยอ่านแปร่งๆ ทันที คิดว่าอ่านประโยคจบแล้ว...อ้าว มันมีต่อนิ

เรื่องเรียบเรียงแปลกเป็นยาวๆ นะคะ
ใดๆ ก็แล้วแต่ เอาจริง จุดที่จขบ.ไม่โอเคสุดเป็นเรื่องคำซ้ำสุดจะฟุ่มเฟือย
สารภาพตามตรงว่าต้นเล่มแรกเราเอียนคำว่า "ก็" หนักมาก
มันเต็มไปหมดทั้งหน้าเลยอะ และไม่ได้เป็นหน้าเดียว 
อันนี้ตัวอย่าง แค่ 1 ย่อหน้า ยาว 4 บรรทัดซัดไป 4 "ก็" 
มันน่าจะเรียบเรียงสรรหาคำมาใช้ได้มากกว่านี้ไหมนะ ยิ่งรวมกับปัญหาคำซ้ำอื่นและการเรียบเรียง มันขัดมู้ดมากพอควรเลย เราวางหนังสือตั้งสติหลายรอบมากเพื่ออดทนอ่านต่อ (╥ω╥)


อยากปล่อยจอยอ่านชิวๆ แต่พอสะดุดแล้วก็เหมือนมีอันต้องหวาดระแวงติด caution ไปตลอด คำซ้ำซ้อนมันมีได้ แต่บางทีฟุ่มเฟือยเกินเหตุ บางจุดตัดไปไม่กระทบความหมายการอ่านแท้ๆ ใส่มามีแต่ทำให้อยากกระอักเลือดอะค่ะ (ซ้ำเยอะไปไหน) อย่างกรณีการใช้สันธาน ไทยมีคำเยอะ เจอแบบนี้มีเหม่อเพราะความรุ่มรวยหายหมดเลย (╥ω╥) 
ตัวอย่างคำซ้ำอื่นๆ





บ่นจนแทบจะเหมือนแอนตี้มาดิสเครดิตแล้วเนี่ย พอก่อนดีกว่า... *เก็บมือ*

ช่องทางการสั่งซื้อ

Wednesday, November 22, 2023

[นิยาย] รีวิว DEAD MAN SWITCH ฝ่าวิกฤตปิดสวิตช์ตาย เล่ม 1 - 3

(เครดิตรูปปก : https://store.jamsai.com/)


ชื่อเรื่อง : DEAD MAN SWITCH ฝ่าวิกฤตปิดสวิตช์ตาย
สถานะ : 3 เล่มจบ
สำนักพิมพ์ : everY
ผู้แต่ง : อาอีเจ
แนวเรื่อง : Survival, Horror, Fantasy, BL

 

ความรู้สึกหลังอ่าน

เนื้อเรื่อง :
รุ่นพี่สุดโฉด น่ากลัวตั้งแต่รูปลักษณ์ นิสัยใจคอ ยันพฤติกรรม x รุ่นน้องคนธรรมดา คนดี(เกินไป)ที่ไม่ได้โลกสวย

warning เรื่องนี้ค่อนข้างเยอะ ไม่แน่ใจว่าจะเก็บหมดหรือเปล่า ตัวละครหลักที่คอยดำเนินเรื่องสภาพจิตไม่ปกติ ธงแดงเลยอันเท่าบ้านอย่างไม่ต้องสงสัย จะลองเรียงๆ เท่าที่นึกออกดูนะคะ

🚩เลือด, การฆ่าตัวตาย, การฆ่า, การสังหารหมู่, ศพ, การใช้กำลังทำร้ายร่างกาย, คำหยาบ, การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน, การมีเพศสัมพันธ์แบบกึ่งสมยอม, การคุกคามทางเพศ (พระเอกชอบพูดลามกและจับไปทั่วแบบไม่ดูสถานการณ์), ความสัมพันธ์เป็นพิษ, อาการผิดปกติทางจิต, ภาวะซึมเศร้าและหดหู่
เพิ่มเติม : มีการทำร้ายคนแก่จนตาย, ความพรของอิพี่ยองวอน นอกจากไม่ค่อยจะยอมใช้ถุงยางยังมีฉาก footjob ด้วยค่ะ (ฮยอนอึ้ง รุ่นพี่เอาตีนผมไปทำอะไร...)


ใช้การบรรยายแบบสรรพนามบุรุษที่ 1 เล่าเรื่อง โดยส่วนใหญ่จะเป็นมุมมองของชองโฮฮยอน (นายเอก) แต่นับจากเล่ม 2 ไปจะมีมุมมองของคียองวอน (พระเอก) แทรกมาบ้าง

เล่ารวบรัดแบบติดสปอยนะคะ ใครอ่านมาแค่เรื่องย่อหลังปกพึงระวังเด้อ

เนื้อเรื่องแบ่งออกเป็น 2 ช่วง คือเนื้อเรื่องหลัก (เล่ม 1-2) กับ เนื้อเรื่องเสริม (เล่ม 3) 
เล่ม 1 - 2
ชองโฮฮยอนปั่นงานโต้รุ่ง พอส่งงานเสร็จก็สะโหลสะเหลหลับยาวไม่รู้เรื่อง ตื่นมาอีกทีก็มีซอมบี้เพ่นพ่านในมหาลัย สาธารณูปโภคยังพอใช้ได้อยู่แต่เน็ตใช้ไม่ได้ โทรศัพท์ไม่ได้ ตอนกำลังหนีในสภาพตั้งสติไม่ทันก็เจอผู้ชายแปลกๆ คาดแมสก์ถือขวานเปื้อนเลือดทัก ดูเหมือนจะเป็นรุ่นพี่ แต่โฮฮยอนคิดให้ตายก็คิดไม่ออกว่าไปไม่รู้จักคนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ อย่างไรก็ตาม คุณรุ่นพี่ที่บอกว่าตัวเองชื่อคียองวอนน่าขนหัวลุกเกินไป ในเมื่อเจ้าตัวบอกว่ารู้จักก็ตามน้ำไปก่อนแล้วกัน โฮฮยอนเป็นพวกอยู่เป็นและรู้จักอ่านสถานการณ์ ไม่อยากสร้างศัตรูโดยไม่จำเป็น

ความประทับใจต่อรุ่นพี่คียองวอนไม่ค่อยดีนัก (ดีก็แปลกละ...) ในสถานการณ์ที่ชีวิตแขวนบนเส้นด้าย เนื้อแท้ใครเป็นยังไงเปิดเผยออกมาหมด โฮฮยอนค่อนข้างประนีประนอมและไม่อยากให้มีเรื่องวุ่นวาย พยายามรักษาความปรองดองสุดฤทธิ์ ในทางกลับกันรุ่นพี่ด่าหมดไม่สนลูกใคร โซตัสเหรอ? ด่าสวนแม่ง ใช้กำลังเหรอ? อัดแม่ง...เป็นทุ่นระเบิดเดินได้ที่คอยเกาะหนึบโฮฮยอนเป็นปลิง ไอ้ที่อุตส่าห์คอยช่วยชีวิตมันก็น่าขอบคุณอยู่หรอก แต่โฮฮยอนไม่เข้าใจเลยว่ารุ่นพี่คอยกระเตงภาระอย่างตัวเองไปเพื่ออะไร แถมพูดจากันดีๆ ไม่ได้นะ ชี้นิ้วสั่งตลอด คำพูดคำจารึก็ถ่อยสถุนฝูงสัตว์ชุกชุม ในช่วงแรก โฮฮยอนออกแนวเชื่อฟังรุ่นพี่เพราะถูกข่มขู่มากกว่า อนึ่ง สถานการณ์มันซีเรียสก็จริง ถึงอย่างนั้น ในการเล่าเรื่องมันมีมุมขำๆ อยู่นะคะ น้องฮยอนจะมีไดอะล็อกประจำที่คิดอยู่ในหัวบ่อยๆ เช่น...อาวุธในมือรุ่นพี่ไม่ได้เตะตาเลยนะ...นี่รุ่นพี่ชมหรือด่าน่ะ ซะเมื่อไหร่ ด่าอยู่เห็นๆ...ประมาณนี้ค่ะ ส่วนใหญ่รับบทตบมุก บางครั้งบางคราวฟิตจัด ชงเองตบเองเลย ขยันสุดๆ

พาร์ทเอาชีวิตรอดจะเล่าเรื่องเริ่มจากฮยอนตื่นขึ้นมาเจอโลกเปลี่ยนไป มีซอมบี้เพ่นพ่านเต็มไปหมด ต่อด้วยการเอาตัวรอดในสถานการณ์ที่จะโดนฉีกโดนทึ้งอย่างอนาถ ตั้งเป้าหมายว่าจะทำอะไร จะหนีออกไปไกลถึงขนาดไหน จะแวะไปสถานที่ไหนต่อ...ประมาณมิชชันที่กำหนดปลายทางเอาไว้และหาทางว่าเพื่อไปถึงที่นั่นจะเลือกเส้นทางไหนและหาทางฝ่าซอมบี้กับคนเห็นแก่ตัวทั้งหลายเพื่อไปให้ถึงค่ะ

ระหว่างทางฮยอนจะมีพี่ยองวอนเป็นพาร์ทเนอร์ที่พึ่งพาได้ การหนีซอมบี้เรื่องนี้สมบุกสมบันมากค่ะ ไม่มีอาวุธพิเศษใดๆ ใช้ของที่หยิบจับได้จากใกล้ๆ ทั้งนั้น ไม่มีการกลายพันธ์ุ ไม่มีพลังพิเศษ เป็นการเอาชีวิตรอดของมนุษย์ธรรมดาของแท้ ดังนั้นเลยเจ็บตัวกันตลอดเรื่อง ระหว่างทางฮยอนแทบไม่เคยมีสภาพสมบูรณ์เต็มร้อยเลย เจ็บตัวบ้าง ไข้ขึ้นจนซมบ้าง เพื่อนร่วมทางที่เจอกันระหว่างทางก็ล้มตายกันหลายต่อหลายคน ไม่ว่าจะมีสาเหตุมาจากซอมบี้หรือจากมนุษย์

สปอยสำคัญของเรื่องคือคุณพระเอก

ตั้งแต่ต้นพี่แกจะเป็นคนแปลกๆ ไอ้เรื่องทุบแหลกไม่แยกคนกับซอมบี้ไม่เท่าไหร่แต่คุณพี่เขาดูรู้ไปหมดทุกเรื่อง สถานที่แต่ละแห่งเป็นยังไง จังหวะเวลาที่เหมาะสมในการลงมืออยู่ช่วงไหน ไม่ใช่แค่ช่ำชอง แต่ยังกับรู้อนาคต แถมยังดูรู้จักฮยอนดีเกินกว่าคนเพิ่งเคยเจอกันครั้งแรก ตรงจุดนี้จะมีเฉลยตอนจบเล่ม 1 พอดีว่าคียองวอนติดลูปค่ะ...ตายซ้ำตายซากในลูปมาจนไม่นับแล้วว่ากี่ครั้ง เงื่อนไขการเริ่มลูปใหม่คือการตายของฮยอน ทุกครั้งที่ฮยอนตาย พี่ยองวอนจะฟื้นกลับขึ้นมาในวันแรกที่มีซอมบี้เพ่นพ่าน เป็นสาเหตุให้หมกมุ่นกับฮยอนมาก พี่ยองวอนติดลูปจนเสียสติไปแล้ว แพนิคสุดๆ ฉะนั้นฮยอนห้ามตายอีกเด็ดขาด คลาดสายตาก็ระแวง กลัวไปตายโดยที่ตัวเองไม่รู้ไม่เห็น แกเหนื่อยจะเริ่มต้นใหม่ แถมเสียดายความสัมพันธ์ด้วย ในส่วนหลังมีการอธิบายว่า ลูปก่อนๆ ความสัมพันธ์ระหว่างพี่ยองวอนกับฮยอนไม่เคยดีเท่าครั้งนี้ค่ะ (อย่างแย่คือพี่ยองวอนสติหลุดจนพยายามฆ่าฮยอนมาแล้ว เป็นแผลใจฝังเลยว่าโดนเกลียดเพราะเรื่องนี้) พอรอบนี้ฮยอนดีกับแกมาก ไม่กลัวแกจนผวาเท่าลูปก่อนๆ ยิ้มให้อีกต่างหาก พี่ยองวอนเลยไม่อยากตาย ถ้าตายทุกอย่างจะโดนรีเซ็ต

หลังรู้ความจริงและเข้าใจที่มาของพฤติกรรมพี่ยองวอน ฮยอนโอ๋พี่หนักมาก 555555 น้องมันสายใช้ไม้อ่อนสู้อยู่แล้ว พอรู้ทรอม่าพี่ก็ยิ่งดีกับพี่มันมากๆ ตั้งแต่เล่ม 2 นอกจากความกลัวโดนทุบยังมีความเห็นอกเห็นใจให้ด้วย ผ่านความลำบากด้วยกันมาก็ค่อยๆ กลายเป็นความรักไปแหละ เพียงแต่พี่ยองวอนขัดมู้ดเก่งเกิน พอได้เน้ดก็สนแต่จะเน้ด หาทางจะเน้ดอยู่ตลอด บางจังหวะจะตายหองอยู่แล้วยังมาอยากอีก สงสารฮยอนมาก เหนื่อยจะด่า ด่าไปก็ไม่สะเทือน โดนสวนหน้าหงายอีก

ตอนจบเล่ม 2 ฮยอน พี่ยองวอน กับเดอะแก๊งออกมาถึงพื้นที่ปลอดภัยสำเร็จค่ะ ซอมบี้เป็นของจริงและถูกกั้นให้อยู่ในเขตมหาลัย ถูกทรีตประมาณเป็นพื้นที่โรคระบาด ภายนอกไม่เสี่ยงเข้าไปให้ความช่วยเหลือ มีคนออกมาก็ยิงทิ้ง พวกทหารไม่รู้เรื่องรู้ราวเรื่องและทำตามคำสั่ง กว่าจะทำให้ยอมเชื่อและได้รับการช่วยเหลือ เด็กๆ พวกเราโดนยิงด้วยค่ะ สู้ชีวิตกันสุดๆ (╯︵╰,) พอถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาล ในที่สุดฮยอนก็รู้สถานการณ์ข้างนอก ได้เจอครอบครัวอีกครั้ง แล้วน้องก็ไปสารภาพรักพี่ยองวอนที่ห้องผู้ป่วย

เล่ม 3
เนื้อหาหลังรอดตายว่าด้วยการใช้ชีวิตต่อ ยองวอนได้ออกจากโรงพยาบาลก่อน ส่วนฮยอนเลือดมีลักษณะพิเศษเลยถูกพาตัวไปเจาะเลือดแทบพรุนและต้องคอยให้ความร่วมมือในการช่วยทางการทำยา ซึ่งพี่ยองวอนแสดงออกชัดมากว่าไม่ชอบที่น้องโดนทรีตเป็นถุงเลือด ใครจะเป็นจะตายทำไมต้องรับผิดชอบด้วย ทำไมต้องเหนื่อยอยู่คนเดียว ซึ่งแม้ฮยอนแม้สุขภาพแย่ลงมากแต่ก็ให้ความร่วมมือค่ะ ตัวน้องเข้ารับการรักษาพบแพทย์เพื่อฟื้นฟูจิตใจจนอาการดีขึ้นด้วย ส่วนพี่ยองวอนจะเป็นทีมต่อต้านไม่ให้ความร่วมมือ กระทั่งออกจากโรงพยาบาลก็เอาแต่หมกตัวอยู่ในบ้าน ไม่ออกไปไหนเลย และเกลียดการเข้าสังคม การอยู่ร่วมกับคนอื่น (นอกจากฮยอน) ด้วย

ทั้งฮยอนทั้งพี่ยองวอนยังได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ซอมบี้มากๆ ทั้งคู่ ในช่วงแรกๆ ก็จะมีปัญหากับของมีคม ดูหนังซอมบี้ดีๆ ไม่ได้ ฝันร้าย หลับไม่อิ่ม ตัวยองวอนถ้าไม่เห็นฮยอนบางทีก็จะแพนิค แต่ก็พยายามสู้ไปด้วยกันจนกระทั่งเข้าเรียนต่อ (เรียนที่อื่น เพราะมหาลัยเดิมกลายเป็นดงซอมบี้ไปแล้ว) สองคนนี้ย้ายมาอยู่ด้วยกัน ค่อยๆ ประคับประคองกันไปจนตอนหลังสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติค่ะ หลังเรียนจบฮยอนเป็นพนักงานบริษัท ส่วนพี่ยองวอนเป็นศิลปิน (สายศิลป์นะคะ ไม่ใช่นักร้อง) กับเพื่อนๆ ที่รอดตายมาด้วยกันก็ติดต่อกันสม่ำเสมอและนัดเจอกันบ้าง

สปอยสำคัญของเล่ม 3 ยังคงเป็นคุณพระเอก

เฉลยว่าซอมบี้มายังไงเล่มนี้ค่ะ เกี่ยวพันกับพี่ยองวอนนั่นเอง แรกสุดยองวอนไม่คิดจะพูดออกมาเพราะกลัวโดนฮยอนเกลียด ใครเกลียดแกแกไม่สน แค่ฮยอนคนเดียวที่ไม่ได้ แต่น้องกังวลว่าพี่มันมีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า ถ้าเป็นไปได้ก็อยากฟัง หลังทำใจได้ก็เล่าให้น้องฟัง...เรื่องคือพี่ยองวอนไปกินเหล้ากับเพื่อนที่ห้องทดลอง ตอนไปเข้าห้องน้ำ ด้วยความที่มืด+เมา เหมือนแกจะไปสับสวิตช์แปลกๆ อะไรเข้าทำให้เชื้อบางอย่างกลายพันธุ์และเป็นที่มาของซอมบี้ 

ฮยอนแสนดีมากๆ คือน้องมันไม่ได้เข้าข้างว่าพี่ทำดี พี่ทำถูก แต่พูดประมาณว่าพี่รู้สึกผิดมามากพอแล้ว อยากให้พี่ปล่อยวาง ฮยอนอยากให้ใช้ชีวิตดีๆ ต่อไปน่ะค่ะ อุตส่าห์รอดมาแล้วอะเนอะ ( ; ω ; )

เนื้อหาเล่ม 3 ส่วนใหญ่จะเป็น nc ถามว่าเยอะขนาดไหน รวมๆ กันน่าจะเกินครึ่งเล่มเลยค่ะ 5555555 ขนาดเล่ม 2 ยังไม่ได้ยืนยันสถานะพี่ยองวอนแกยังเง่นตลอดเวลา เล่ม 3 พอเป็นแฟนเต็มตัวคือกอบโกยผลประโยชน์เต็มที่ ถือว่าน้องมันตามใจตัวเอง กระเง้ากระงอดงอนทุกอย่างแล้วหาเรื่องจับถอดเป็นว่าเล่น พอเดินเรื่องด้วยมุมมองยองวอนทำให้รู้ว่าแกจงใจงี่เง่า และก็รู้ด้วยว่าน้องมันเอือม แต่แกอยากให้แฟนเอาใจ แล้วก็ชอบตอนน้องมันทำหน้าลำบากใจตอนตัวเองพล่ามไร้สาระ เลยไม่หยุด และจะกวนต่อ 5555555 

ภาษา/การแปล :
อ่านลื่นไหลดีค่ะ อาจเพราะเดินเรื่องด้วยสรรพนามบุรุษที่ 1 เวิดดิ้งเลยมีความภาษาพูดอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ใช้คำแข็งทื่อไร้ความสละสลวยจนเกินไป  เรื่องนี้รุ่นพี่ยองวอนปากหมามาก ด่ากราดไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม ในส่วนคำพูดของคุณพี่เขาเลยมาเต็มแบบไม่ติดเซนเซอร์ เหี้ยเป็นเหี้ย แต่ก็มีขอบเขตอยู่ ไม่ได้ขึ้นมึงกู และเวลาพี่แก dirty talk นี่ก็ลุ้นว่าพี่คงไม่พูดฆวยใช่ไหมคะ...สรุปใช้คำว่า 'ไอ้นั่น' ซึ่งส่วนตัวว่าระดับภาษาประมาณนี้แหละดีแล้ว เนื่องจากเป็นเกาหลี เสียงท้ายชื่ออย่าง 'อา' (เช่นยองวอนอา) มีเก็บไว้นะคะ ส่วนคำอื่นๆ แปลปกติค่ะ เช่นพี่หรือรุ่นพี่ เอ็นดูการเรียกตัวเองว่าพี่ยองวอนมาก ตัวอย่างประโยคอย่าง 'พี่ยองวอนงอนแล้ว' เราว่าพอใช้คำว่าพี่ มันดูจั๊กจี้น่ารักๆ ดีค่ะ ถ้ามีคำไทยให้ใช้ เราอยู่ทีมแปลค่ะ ไม่ชอบทับศัพท์

ช่องทางการสั่งซื้อ

[นิยาย] รีวิว โปรดลืมว่าเราไม่เคยรักกัน


 (เครดิตรูปปก : www.nabu-online.com)



ชื่อเรื่อง : โปรดลืมว่าเราไม่เคยรักกัน
สถานะ : 2 เล่มจบ
สำนักพิมพ์ : Taisei Books

ผู้แต่ง :  YunJian
แนวเรื่อง : โรแมนติก, แฟนตาซี (นิดๆ), BL


ความรู้สึกหลังอ่าน

เนื้อเรื่อง :

ชีวิตคู่ที่ไม่หวานชื่นเท่าไหร่เปลี่ยนไปเพราะคุณสามีไปรบแล้วกลับมาในสภาพความจำเสื่อม จากคนเย็นชากลายเป็นคนคะขาคลั่งรักเฉยเลย

เหมาะสำหรับผู้ต้องการความน้ำเน่ายุงชุม คลิเช่ๆ (´• ω •`)ノ

🚩 ผู้ชายท้องได้ การขืนใจ การข่มขู่ กักขังหน่วงเหนี่ยว การบังคับควบคุม คู่รองค่อนข้างท็อกซิก อาจจะติดธงได้อีกหลายอย่าง

เนื้อหาโดยรวมไม่มีอะไรสลับซับซ้อนเท่าไหร่ เฉินจิ่น (นายเอก) หลงรักลู่เทา (พระเอก) เลยหาเรื่องแต่งงานกับเขาให้ได้ แต่การแต่งงานที่เกิดจากการบีบบังคับไม่ทำให้มีความสุขเลย นายเอกที่ถูกเลี้ยงดูอย่างตามใจเผชิญหน้ากับความเย็นชาของสามีจนสำนึกได้และคิดจะหย่า ไม่รู้ฟ้าชังหรือสวรรค์แกล้ง คุณสามีดันความจำเสื่อมจากพิษเซิร์กแล้วหันมาหลงตัวเองหัวปักหัวปำ อะไรที่เคยต้องการจากสามีแล้วไม่เคยได้รับก็ได้ตามประสงค์...มาอีหรอบนี้ถึงได้ตัดใจหย่าไม่ลงและขอยื้อความสัมพันธ์ต่อไป 

ไม่นานหลังจากนั้น พระเอกคนเดิมค่อยๆ ได้สติกลับมาสลับกับโหมดตอนความจำเสื่อม แน่นอนว่าต้องหึงหวงตัวเองอีกร่างที่ปากหวานเอาใจเก่งจนนายเอกเอาแต่เพ้อหา พอรู้ว่าตัวตนดั้งเดิมของสามีกลับมาทีละน้อย นายเอกอดเศร้าใจไม่ได้ (ก็หลัวร่างความจำเสื่อมขยันทำการบ้านแถมช่างเอาใจอะเนอะ) และหันมาใคร่ครวญเรื่องการหย่าอย่างจริงจังอีกครั้ง มีรูปแบบมาตรฐานความคลิเช่อย่างการอุ้มท้องหนี แต่โดยรวมปิดจบด้วยดี รวมถึงเรื่องบุคลิกพระเอกด้วย

หันมาทางฝั่งคู่รอง เป็นคู่ของพี่ชายนายเอกกับเมะเด็ก เนื้อหาของคู่นี้เยอะพอควร ส่วนใหญ่อยู่ในเล่ม 2
ทางฝั่งคุณน้องไปบังคับเขามาแต่งงานด้วย ฝั่งคุณพี่โดนเด็กบังคับขืนใจ แบล็กเมล และสารพัดสารพัน เป็นคุณชายตกต่ำที่ต้องพึ่งพาคนอื่นเพื่อเอาตัวรอด และแม้จะโดนกระทำย่ำยียังไง สุดท้ายคุณพี่ก็อภัยให้เขาที่เสี่ยงอันตรายมาปกป้องตัวเองจนบาดเจ็บ สุดแสนจะคลิเช่ไปเลย ( ̄▽ ̄) แต่ช่วงจบเรื่องก็ไม่ได้บอกว่าขาของหลัวเด็กหายดีนะ อาจจะหายขาดหลังจากนี้ล่ะมั้ง

ภาพรวมเรื่องนี้คือโป๊มาก พรมาก สิ่งที่ติดตรึงใจไม่ใช่เนื้อหา เพราะแจกศีลแจกพรไปครึ่งเรื่อง บรรยายเน้นๆ dirty talk จัดเต็ม คู่พี่ชายใช้อุปกรณ์ด้วยล่ะ (*ノ▽ノ) เหมาะกับการอ่านพักสมอง

ภาษา/การแปล :
อ่านไปเรื่อยๆ ไม่มีจุดไหนชะงักเป็นพิเศษ บทอัศจรรย์เห็นภาพมาก...

ช่องทางการสั่งซื้อ


 

Thursday, August 10, 2023

[มังงะ] รีวิว ต่อให้ปากจะฉีกก็ไม่บอกรักเธอหรอก


 (เครดิตรูปปก : https://thailand.kinokuniya.com/)




ชื่อเรื่อง : ต่อให้ปากจะฉีกก็ไม่บอกรักเธอหรอก
สถานะ : ยังไม่จบ 
สำนักพิมพ์ : Luckpim
ผู้แต่ง :  Akari Kajimoto
แนวเรื่อง : แฟนตาซี, โรแมนติก, คอเมดี้
Other : ลงแอพ Manga Plus (ENG)


ความรู้สึกหลังอ่าน


เนื้อเรื่อง :
หนุ่มม.ปลายที่หลงรักพี่สาวสิ่งลี้ลับตำนานเมือง - สาวปากฉีกที่พยายามทำให้ไอ้หนุ่มมันกลัวตัวเองให้ได้

อีกหนึ่งโรแมนซ์จากสายโชเน็นที่เป็นมิตรต่อใจแต่ไม่เป็นมิตรต่อสุขภาพ (ว้านหวาน หวานตัดขา)

มนุษย์เต็มตัวโคอิจิคุงมีคู่หมั้นเป็นตำนานเมืองอย่างสาวปากฉีกคุณมิโรคุ ตระกูลของโคอิจิไม่ได้เพิ่งแต่งงานกับสิ่งลี้ลับ แต่คุณน้องก็จิตใจแข็งแกร่งเกิน ไม่ใช่แค่เต็มใจอยากแต่ง ออกแนวกระเหี้ยนกระหือรืออยากแต่งให้ได้ อยากแต่งให้ไว ชอบคุณมิโรคุสุดๆ ทำเอาสาวเจ้างง ปกติมันต้องกลัวดิ นี่สาวปากฉีกมั้ย โคอิจิบอกไม่ ก็คุณมิโรคุน่ารักอะ

หนุ่มน้อยที่อยากแต่งงานกับพี่สาวที่ไม่อยากแต่งเลยมาพนันกันยกหนึ่ง ภายใน 1 ปี ถ้าคุณมิโรคุทำให้โคอิจิกลัวได้ หมั้นเหมิ้นอะไร ยกเลิกให้หมด แต่ถ้าโคอิจิไม่กลัวจริงๆ ก็มาแต่งกันเถอะ...พูดตรงๆ คุณมิโรคุงานหนักมาก ไอหนุ่มมันคลั่งรักจัด หนำซ้ำยังประสาทแข็งผิดมนุษย์มนา บางจังหวะคุณมิโรคุไม่ได้ตั้งใจจะหลอกให้กลัวแต่เกิดอุบัติเหตุบางอย่างทำขากรรไกรล่างหลุด (...ก็ปากฉีกนี่นา) เด็กมันไม่กลัว แถมช่วยหาด้วยว่าขากรรไกรไปอยู่ไหนแล้ว...คุณมิโรคุยอมแพ้เหอะ 555555

ตัวละครที่ปรากฏในเรื่องส่วนใหญ่จะเป็นบรรดาตำนานเมืองต่างๆ บรรดาตัวละครฝั่งมนุษย์มีบทไม่มากนัก (เช่นเพื่อนๆ จากโรงเรียนของโคอิจิ) สิ่งที่น่าสนใจนอกจากการเดิมพันของคุณมิโรคุกับโคอิจิคือการเกิดขึ้น ดำรงอยู่ และดับไปของเหล่าสิ่งลี้ลับตำนานเมือง แถมตระกูลของโคอิจิดูมีที่มาน่าสงสัยพิกลนะ? 

ตอนนี้ไทยออกมา 3 เล่ม หนุ่มน้อยบนปกเล่ม 3 อีกคนคือน้องชายคุณมิโรคุ เรื่องนี้ไม่มีรักหลายเส้าค่ะ สถานการณ์จำนวนเล่มตามหลังญี่ปุ่นอยู่พอสมควร ช่วงหลังโคอิจิคุงตบมุกดุดันมาก breaking the 4th wall ไม่เกรงใจตำแหน่งพระเอก (=`ω´=) อนึ่ง เมนจขบ.คือคุณอุดะ ในเรื่องให้ฟีลประมาณผู้ดูแลของโคอิจิคุง คุณเขาฮอตมากค่ะ ตอนจัดอันดับความนิยมตัวละครก็ฟันอันดับ 1 ไปด้วยคะแนนทิ้งห่าง ได้รับความรักจากด้อมสุดๆ เป็นตัวละครขายเท่ก็ไม่ใช่แต่ทำไมคนรักเยอะนัก เผื่อตกหลุมด้วยกัน ลองมาสัมผัสเสน่ห์คุณเขาได้เลยค่ะ (´。• ᵕ •。`) 💗 << โคอิจิคุงกับคุณมิโรคุกำหมัดให้การขายนี้

ด้วยความลำเอียง ขอแปะรูปพิอุดะจากทวิตอ.คาจิโมโตะ (´ ∀ ` *)

(เครดิตรูป : Twitter @kajimotoakari)

ตอนที่นั่งพิมพ์อยู่นี้ทางอฟช.ออกมาประกาศว่าใกล้จบมากแล้ว เรื่องนี้มีลงในแอพมังงะพลัสของชูเอย์ฉะ อัพเดททุกๆ 2 สัปดาห์ สามารถเข้าไปทดลองอ่านได้ฟรี แต่เป็นภาษาอังกฤษค่ะ 

งานภาพ :
ลายเส้นของสาวปากฉีกจะต่างจากการ์ตูนโชโจที่มีความวิ้งวับ สกรีนโทนเป็นประกาย โดยน้ำหนักลายเส้นจะหนักแน่น อีกทั้งด้วยความที่ตัวหลักไม่ใช่มนุษย์ โทนสีจึงอึมครึมเล็กน้อยและเต็มไปด้วยสกรีนโทนค่อนข้างเข้ม ในเรื่องไม่มีซีนสยองขวัญสั่นประสาทชวนแหวะ สามารถอ่านได้ชิวๆ (มีที่วาดให้ออกมาดูน่ากลัวอยู่เหมือนกัน แต่น้อยมากและไม่ได้ขายหลอนขนาดนั้น)

ช่องทางการสั่งซื้อ

[นิยาย] รีวิว 1995 หวนวารวันฉันและนาย เล่ม 1 - 3

(เครดิตรูปปก : www.naiin.com)


ชื่อเรื่อง : 1995 หวนวารวัน ฉันและนาย
สถานะ : 3 เล่มจบ
สำนักพิมพ์ : Lilac
ผู้แต่ง : อ้ายค่านเทียน (Ai Kan Tian)
แนวเรื่อง : Slice of life, BL

 

ความรู้สึกหลังอ่าน

เนื้อเรื่อง :

🚩 Pseudo-incest (พี่น้องไม่แท้), การฆ่าตัวตาย, การฆ่าคนและการใช้ความรุนแรง, การลักพาตัว

เปิดไว้ก่อนว่าหลีโจว (นายเอก/พี่ชาย) กับหลีเจียง (พระเอก/น้องชาย) เป็นพี่น้องกันค่ะ ถึงจะคนละพ่อละแม่แต่ก็โตมาด้วยกัน ถูกเลี้ยงมาอย่างพี่น้อง มารู้ความจริงว่าหลีโจวถูกรับมาเลี้ยงตอนหลีโจวอายุ 15 หลีเจียงอายุ 13

หลีโจวเป็นวิญญาณนั่งเฝ้าอยู่ตรงหลุมศพตัวเอง สมัยมีชีวิตอยู่ความสัมพันธ์กับน้องชายย่ำแย่ ถึงอย่างนั้นหลีเจียง น้องชายก็แวะมาเยี่ยมหลุมศพสม่ำเสมอ นานวันเข้าหลีโจวก็ปลงตก ปล่อยวางความรู้สึกสมัยยังมีชีวิตอยู่ แต่น้องชายกลับมาฆ่าตัวตายหน้าหลุมศพ หลีโจวที่ปล่อยวางได้แล้วเป็นวิญญาณ จะห้ามก็ห้ามไม่ได้ รู้ตัวอีกทีก็ย้อนมาเป็นตัวเองตอนอายุ 15 ตอนที่เพิ่งรู้ความจริงใหม่ๆ ว่าพ่อแม่ที่แท้จริงไม่ใช่คนตระกูลหลี 

หลีโจวตั้งใจว่าย้อนเวลากลับมาครั้งนี้จะใช้ชีวิตใหม่ จะไม่แก่งแย่งชิงดีในสิ่งที่ไม่ใช่ของตัวเอง ไม่ไปสู้รบกับน้องชายอย่างชาติก่อน ใครดีใครชั่วก็รู้เห็นหมดแล้วด้วย ไม่ยอมเป็นเครื่องมือให้พ่อบุญธรรม (ซึ่งเป็นพ่อแท้ๆ ของหลีเจียง) อีก

ในตระกูลหลี คนใหญ่สุดคือตาหรือผู้เฒ่าหลี พ่อเป็นเขยแต่งเข้า ภายนอกวางตัวดี ภายในทะเยอทะยานโลภมาก ชาติที่แล้วหลีโจวหลงคารมพ่อบุญธรรมจนทุกอย่างพังไปหมด ครั้งนี้เลยตั้งใจจะใช้ชีวิตใหม่ หาพ่อแม่ที่แท้จริงแล้วออกจากตระกูลหลี ไม่เข้าไปพัวพันกับการแย่งชิงอำนาจทรัพย์สินใดๆ ที่มีพ่อเป็นตัวตั้งตัวตี เพียงแต่ก่อนออกไปอยากช่วยน้องชายให้ได้ก่อน ชาติที่แล้วหลีเจียงประสบอุบัติเหตุ ขาสองข้างเกือบเดินไม่ได้ พ้นจากพิการมายืนได้ด้วยตัวเองหวุดหวิดแต่ก็มีอาการขากะเผลก เป็นจุดเปลี่ยนบุคลิกและนิสัยใจคอคุณชายเล็ก ผู้เฒ่าหลีป่วย ยังมาตรอมใจเพราะอาการบาดเจ็บของหลานคนเล็ก ชาตินี้หลีโจวย้อนกลับมาถึงช่วงก่อนเกิดอุบัติเหตุพอดี อาศัยว่าน้องชายยังเป็นเด็กน้อยว่าง่ายคอยตามประกบน้องอยู่ตลอด สุดท้ายก็ช่วยได้สำเร็จแลกกับตัวเองบาดเจ็บที่แขน สำหรับหลีโจวคุ้มค่ามาก อนึ่ง อุบัติเหตุคราวนี้มีบางอย่างไม่ชอบมาพากลและทำให้หลีเจียงทะเลาะกับพ่ออย่างรุนแรงด้วย

เบาใจเรื่องน้องก็มาจัดการเรื่องตัวเองต่อ หลีโจวพอมีกรอบในการตามหาพ่อแม่อยู่แล้ว ควานหาตัวไม่นานก็หาเจอ พ่อแม่ที่แท้จริงของหลีโจวตามหาหลีโจวมาตลอดเช่นกัน ไม่ได้ทอดทิ้งลูก แต่ลูกถูกพวกลักเด็กพาตัวไป พอครอบครัวเจอหน้ากัน เซนส์ต่างฝ่ายต่างบอกว่า...ใช่แล้วแหละ พอไปตรวจดีเอ็นดีผลลงเอยออกมาตามคาด 

นายใหญ่ลู่ พ่อแท้ๆ ของหลีโจวเป็นพ่อหมีตัวใหญ่ประจำเกาะ ตัวโต ท่าทางน่ากลัว รักคุณธรรม ทำธุรกิจสายเรือ ลูกน้องและเพื่อนฝูงเยอะ เป็นคนมีหน้ามีตาและเป็นขาใหญ่ของพื้นที่ แต่พออยู่ในบ้านเป็นพ่อซื่อบื้อสายเปย์ หวงลูกมาก กลัวลูกหายไปอีก หลีโจวจะเหมือนแม่มากกว่าทั้งนิสัยและหน้าตา นายหญิงเย่หงอวี้เป็นสาวแกร่ง มีภาวะผู้นำ ใจเย็น ทำงานเก่ง ตัวหลีโจวเคยคร่ำหวอดทำธุรกิจมาก่อน ใช้ความรู้กับประสบการณ์ รวมทั้งความได้เปรียบจากการรู้อนาคตมาช่วยครอบครัวทำธุรกิจ ชื่อใหม่ของหลีโจว คือ ลู่อี้โจว ทั้งนี้พ่อแม่ยังให้เกียรติทางบ้านหลีที่ดูแลหลีโจวมา หลักๆ คนในบ้านก็ยังใช้ชื่อหลีโจวเรียกด้วย

เดิมทีพ่อบุญธรรมแค่อยากลองใจหลีโจวเลยเอาข้อมูลเรื่องที่หลีโจวถูกรับมาเลี้ยงไปวางไว้ให้หลีโจวเห็น แถมยังให้ข้อมูลปลอมเกี่ยวกับครอบครัวไว้ พอโดนดัดหลังมารู้ว่าหลีโจวเจอพ่อแม่ตัวจริงเสียงจริงแล้วจะออกจากตระกูลหลีก็ตกใจ 

การออกจากบ้านตระกูลหลีของหลีโจวกระทบกับหลีเจียงมาก น้องเป็นหมาน้อยช่างอ้อน ติดพี่สุดๆ สบโอกาสเมื่อไหร่เป็นต้องหาเรื่องไปหาพี่ให้ได้ ถึงขั้นก่อเรื่องจนได้ย้ายไปเรียนโรงเรียนเดียวกับหลีโจวระยะหนึ่ง (ที่ทางบ้านยอมเพราะมีปัญหาภายในส่วนหนึ่ง ให้คุณชายเล็กหลบออกจากเมืองหลวงสักพักเป็นเรื่องดี) เทียบกับชาติก่อน หลีเจียงทั้งว่าง่ายทั้งน่ารัก แสดงออกตรงไปตรงมาว่าโอ๋ผมหน่อยๆ แถมน้องมันชอบมาเกาะแกะ ผนวกกับเรื่องจากชาติก่อน หลีโจวที่อยากดูแลน้องดีๆ เลยค่อนข้างตามใจ ยิ่งโอ๋เด็กมันยิ่งวอแว เป็นวงจรอันแสนน่าสังเวช 55555 หลีโจวชินกับสกินชิปและการดูแลเอาใจน้องชายระดับประมาณว่า...เลือกกินเหรอ เอ้า เลาะก้างปลาให้ละ...ยาขมไม่ยอมดื่มดีๆ เหรอ เอ้า ช่วยป้อน ด้านหลีเจียงนอกจากชอบฉอเลาะให้พี่ชายตามใจ จะออกอาการด้วยการงอนหรือน้อยใจพี่บ่อยๆ...จะไม่ได้เจอพี่แล้วเหรอ ทำไมต้องเปลี่ยนชื่อล่ะ บลาๆๆ นอกจากนี้คือชอบแตะเนื้อต้องตัว กับ...เปย์ 55555 เป็นเด็กเป็นเล็ก จ่ายเก่งเหลือเกินลูกเอ๊ย สรรหานู่นนี่นั่นมาให้ตลอด อยู่ต่อหน้าพี่น่าเอ็นดู๊น่าเอ็นดู ลับหลังหลีเจียงหูตารอบตัว ตัวห่างกันแต่รู้นะว่าในโรงเรียนมีคนหลงรักพี่เต็มไปหมด หาทางกันซีนจากระยะไกลได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น (ノ°益°)ノ

ต่อให้ไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้วพี่น้องหลียังติดต่อกันตลอด โทรศัพท์บ้าง จดหมายบ้าง ไปมาหาสู่กันอยู่เสมอ ค้างบ้านเอย ทำกิจกรรมด้วยกันข้างนอกเอย ระหว่างค่อยๆ เติบโต เริ่มจากตอนม.ปลายเป็นต้นมา หลีโจวช่วยนายใหญ่ลู่ออกไอเดียดูแลโรงงาน (นายใหญ่ขยับขยายจากทะเลขึ้นมาบนบก บอกว่าทำโรงงานดูเท่ดี) ฟากหลีเจียงก็เรียนหนัก ผู้เฒ่าหลีสุขภาพไม่ดี รักษาตัวอยู่ต่างประเทศ ภาระเลยตกลงมาบนบ่าหลีเจียงค่อนข้างมาก อิสระหดหายไปเยอะ จะหาวันว่างๆ ไปใช้ร่วมกับพี่ยังเจียดเวลาได้ยาก เนื้อเรื่องส่วนใหญ่จะเล่าช่วงสองพี่น้องเป็นนักเรียน พอเข้าท้ายเล่ม 2 จะมีการบรรยายรวบรัดอย่างรวดเร็วว่าหลีเจียงที่เรียนข้ามชั้นเรียนจบเร็วและทำงานเต็มตัว ส่วนหลีโจวเรียนหมอ (ส่วนหนึ่งเพราะตาป่วย อยากทำความรู้จักเรื่องหยูกยามากขึ้น) 

เนื่องจากเรื่องนี้มีตัวร้ายหลักคือพ่อ จะมีการปิดประเด็นนี้ตอนเล่มจบ ถือว่าเป็นจุดจบที่อนาถมาก สปอยหนักๆ คือโดนทุบจนตาย ส่วนฝั่งตัวเอกของเรามีดราม่าเล็กน้อย หลีโจวถูกโรคจิตลักพาตัว ได้รับบาดเจ็บจนตามองไม่เห็นไประยะหนึ่ง แต่ก็ค่อยๆ ฟื้นตัว มีหลีเจียงดูแลอย่างใกล้ชิด ปู่ที่ป่วยเป็นอัลไซเมอร์เองก็อาการดีกว่าชาติก่อนมาก ถึงตอนท้ายจะหลงๆ ลืมๆ ยังได้อยู่กับลูกหลาน มีคนดูแลดี ส่วนแม่ที่หย่าขาดจากพ่อ สุดท้ายมีผู้ดีๆ เข้ามาหา เป็นเพื่อนเก่าแก่ที่แอบชอบมาตั้งแต่สมัยเรียน 
แฮปปีัเอนด์ <( ̄︶ ̄)>

ในด้านความสัมพันธ์ ขอเสริมแยกตรงนี้ ตอนเล่มแรกเป็นพี่น้องกันแบบไม่เห็นแววว่านี่พระนายเหรอวะ? จากเลนส์จขบ.สามารถบอกว่าเป็นบราค่อนได้ แต่เกินเลยไปมากกว่านั้นรู้สึกว่ายาก ปัจจัยสำคัญคือโตมาแบบพี่น้องกัน เวลาแนะนำกับคนอื่นก็บอกว่าเป็นพี่น้อง ต่อให้มีคนรู้จักใหม่ๆ ในสังคมใหม่ก็ยังนิยามอีกฝ่ายเป็นพี่ชายและน้องชายอยู่ (แม้ตอนเล่ม 2 หลีเจียงจะเริ่มเตลิดแล้ว ก็ยังคงติดกับคำว่าพี่น้อง) 
ผลจากการค่อยๆ ตะล่อม ค่อยๆ แสดงออกทีละนิดอย่างอดทนของหลีเจียง ช่วงจบเล่ม 2 หลีโจวรู้สึกว่าเป็นแบบนี้กับน้องชายมันไม่ค่อยเข้าท่าแล้วนะ มันเหมือนจะเกินพี่น้องไปแล้ว มาส่งสัญญาณกันตรงๆ เรื่องการคบหาในความสัมพันธ์ที่มากกว่านั้นช่วงต้นเล่ม 3...ซึ่ง ไม่มีดราม่าจ้ะ ไม่มีอะไรทั้งสิ้น ราบรื่นหมดจนงง คนรอบข้างก็ไม่อะไร ไม่มีปัญหาด้านความรู้สึกหรือศีลธรรมใดๆ รับได้อย่างรวดเร็ว ใครคิดว่าต้องมีซีนบีบคั้นหัวใจ การต่อสู้กับศีลธรรมในใจ มันน้อยมากจนอยากบอกว่า...ไม่มีเจ้าค่ะ ฟีลกู๊ด (เกิ๊น) ยันจบเรื่องนั่นแหละ ฉะนั้นจึงตะขิดตะขวงอยู่เหมือนกันที่เป็นคนรักแล้วยังมานับพี่นับน้องอีก คำเรียกน่ะไม่แปลกหรอก แต่คำบรรยายยังใช้พี่น้องอยู่ ขนาดคู่นี้มีลูก 2 คน  ชายหญิงอย่างละคน ลงเอยก็เหมือนยังข้ามไม่พ้นความสัมพันธ์พี่น้องโดยเด็ดขาด ในแง่หนึ่งอาจเพราะตอนเป็นพี่น้องเป็นช่วงเวลาที่มีความสำคัญ แต่คบหาเป็นคนรักกันแล้วนะเหวย จะดีเหรอคะ... (ลองเป็นชีวิตจริงคือ หน่านิ?! Σ(°△°|||)) สรุปคือสุขนิยมยิ่งกว่าที่คาด 

หากเปรียบเทียบกับ 1988 เรื่องของหมี่หยางที่ออกกับไลแลคไปก่อนหน้านี้ เส้นเลิฟไลน์ของเรื่องหมี่หยางจะโดดเด่นกว่าอย่างเห็นได้ชัด 1995 จะดรอปตรงนั้นลงแล้วไปเพิ่มเรื่องการทำธุรกิจกับการตบตีกับเจียงซิงหย่วน (พ่อหลีเจียง/พ่อบุญธรรมหลีโจว) และถึง 1995 จะเปิดเรื่องมาด้วยการแก่งแย่งทรัพย์สมบัติตระกูลหลี เอาเข้าจริงก็ไม่ได้มีเหลี่ยมคมฟาดฟันดุเดือด ตัวร้ายไม่ได้มีพาวเวอร์อะไรมาต่อกรกลับกลุ่มตัวเอกเป็นทุน เรื่องนี้จึงเป็นแนวอบอุ่นหัวใจทั่วๆ ไป ตัวละครส่วนใหญ่ในเรื่องเป็นคนดีๆ เหมาะเอาไว้อ่านชาร์จแบตพักผ่อน

ตอนซื้อเรื่องนี้มาคาดหวังไว้เยอะเพราะชอบ 1988 เอาเข้าจริงไม่ถึงกับผิดหวัง แค่ไปได้ไม่ถึงจุดที่หวังมากกว่า จุดทำคะแนนของเรื่องนี้ที่จขบ.ชอบมากคือตัวละครค่ะ ชอบนายเอกสุขุม ใจเย็น ใจดี กับพระเอกแนวหมาน้อยช่างอ้อน (ซึ่งแอบเหลี่ยมเล็กๆ) แล้วก็ไม่มีสงครามความรักด้วย มีกันอยู่แค่ 2 คนนี่แหละ ในฐานะคนที่มีตัวชี้วัดความชอบนิยายอยู่ที่ตัวละครกับความสัมพันธ์ของตัวละครในอัตราส่วนค่อนข้างมาก เรื่องนี้โอเคค่ะ พระนายตรงสเปกมีชัยไปกว่าครึ่ง 555555555555

ภาษา/การแปล :
โดยรวมอ่านลื่นไหลดี แต่ก็มีบางจุดที่ใช้คำซ้ำซ้อนหรือแปลแปลกๆ ทำให้สะดุดอยู่เหมือนกัน
e.g. ตรงนี้ไม่น่ามีคำว่า "แต่" อาจจะเป็นแม้ หรือตัดคำว่าแต่ทิ้งไปเลยไหม พอมีคำว่าแต่อยู่ด้วยทำให้ย่อหน้านี้อ่านเข้าใจยาก (ส่วนหนึ่งอาจเพราะใช้คำว่าแต่ต่อเนื่องติดๆ กัน)
มีจุดที่รู้สึกว่าเรียบเรียงออกมาแปลกๆ ประปราย (หรือมีคำตกก็ไม่แน่ใจ) ตัวอย่างเช่น
พิมพ์ตก/พิมพ์ผิด เช่น
นอกจากนี้มีความไม่สม่ำเสมอของการใช้คำแปล หลุดใช้คำว่า "ชายหนุ่ม" กล่าวถึงหลีเจียง ซึ่งจากเนื้อเรื่องช่วงนั้นส่วนใหญ่จะใช้คำว่า "เด็กหนุ่ม" มากกว่า และจริงๆ อายุตอนนั้นใช้เด็กชายยังได้เลย
ตอนท้ายเล่ม 1 ใช้คำว่าชายหนุ่มแทนตัวหลีเจียง น่าจะหลุดมา (ในเนื้อเรื่องตอนนี้น้องอายุ 13 เอง)
พอมาเล่ม 2 ใช้คำว่าเด็กหนุ่มแทนตัวหลีเจียง

ส่วนตรงนี้น่าจะใส่ชื่อตัวละครผิด ต้องเป็นหลีเจียงหรือเปล่า?

ช่องทางการสั่งซื้อ

>> Amarin 

>> Naiin